กระบวนการคิดเชิงออกแบบ

กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ
David Kelly ได้นำแนวคิดการคิดเชิงออกแบบมาใช้ในธุรกิจ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และแบ่งกระบวนการคิดของการคิดเชิงออกแบบออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.Empathize – เข้าใจปัญหา
ขั้นแรกต้องทำความเข้าใจกับปัญหาให้ถ่องแท้ในทุกมุมมองเสียก่อน ตลอดจนเข้าใจผู้ใช้กลุ่มเป้าหมาย หรือเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการแก้ไขนี้เพื่อหาหนทางที่เหมาะสมและดีที่สุดให้ได้ การเข้าใจคำถามอาจเริ่มตั้งด้วยการตั้งคำถาม สร้างสมมติฐาน กระตุ้นให้เกิดการใช้ความคิดที่นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีได้ ตลอดจนวิเคราะห์ปัญหาให้ถ้วนถี่ เพื่อหาแนวทางที่ชัดเจนให้ได้ การเข้าใจในปัญหาอย่างลึกซึ้งถูกต้องนั้นจะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
โดยวิธีการทำความเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้งทำได้ ดังนี้
1. สังเกตสิ่งรอบตัวของผู้ใช้ว่าจะเปิดกิริยาท่าทาง หรือของใช้ส่วนตัว สภาพแวดล้อมทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน เพื่อที่จะทำความเข้าใจชีวิตของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
2. การสัมภาษณ์ ซึ่งมีเทคนิคในการสัมภาษที่จะได้ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง ดังนี้
- กำหนดทีมสัมภาษณ์ 3 คน ต่อผู้ใช้ที่ให้สัมภาษณ์ 1 คน
- การเตรียมคำถามปลายเปิดที่เกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ ความจำเป็น ซึ่งควรเป็นคำถามกว้าง
- สร้างความคุ้นเคย สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปิดใจและให้ข้อมูลเชิงลึก
- ทบทวนข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ แล้วสรุปเป็นประเด็นสำคัญๆ
2. การระบุปัญหาและกรอบของปัญหา (Define)
คือ การระบุปัญหาหรือประเด็นหลังจากที่ทำความเข้าใจกลุ่มเป้นหมายด้วยกระบวนการข้างต้น จากนั้นจะนำข้อมูลของผู้ใช้งานทุกคนมาจัดกลุ่มของปัญหา และรับุปัญหาที่ต้องการแก้ไขให้ชัดเจน
3. การหาแนวทางแก้ไข (Ideate)
คือ ขั้นตอนการค้นหาความคิดใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุดโดยวิธีการระดมสมองของคนในทีม
4. การสร้างต้นแบบ (Prototype)
หากเป็นเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมขั้น Prototype นี้ก็คือการสร้างต้นแบบเพื่อทดสอบจริงก่อนที่จะนำไปผลิตจริง สำหรับในด้านอื่นๆ ขั้นนี้ก็คือการลงมือปฎิบัติหรือทดลองทำจริงตามแนวทางที่ได้เลือกแล้ว ตลอดจนสร้างต้นแบบของปฎิบัติการที่เราต้องการจะนำไปใช้จริง
5. การทดสอบ (Test)
ทดลองนำต้นแบบหรือข้อสรุปที่จะนำไปใช้จริงมาปฎิบัติก่อน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ตลอดจนประเมินผล เสร็จแล้วก็นำเอาปัญหาหรือข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ก่อนนำไปใช้จริงอีกครั้งนั่นเอง